ต้นสายแม่น้ำอเมซอนสู่บราซิล : 
change your language


![]() |
ในทริปนี้ผมจะพาทุกคนไปดูแหล่งน้ำสายแรกที่เข้ามาในประเทศบราซิล ซึ่งตั้งอยู่ในป่าอเมซอน โดยสถานที่นี้นั้นตั้งอยู่ระหว่างสามประเทศ อันได้แก่ โคลัมเบีย บราซิล และเปรู
ทริปนี้ผมอยู่ทั้งหมดเป็นเวลาสิบวัน ก็ไม่รู้ว่าอยู่ทำไมตั้งนานเหมือนกัน ตอนแรกกะจะไปพักผ่อนแถวๆแคริเบียนแต่คิดไปคิดมา
บ้านเราก็มีทะเลเยอะแล้วจะไปอีกทำไม 555 เลยตัดสินในไปที่นี้แทนอย่างน้อยก็ได้ไปเห็นแม่น้ำอะเมซอนเป็นๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าชาตินี้จะมีโอกาศกลับมาไหม
.
แผนที่สถานทีตั้ง
![]() |
|
ในทริปนี้เราจะพูดเรื่องฝั่งบราซิลมากว่านิดนึงเพราะเนื่องจากสามชายแดนนี้ถึงแม้จะติดกันแต่วัฒนธรรมนั้นช่างต่างกัน โดยทางฝั่งโคลัมเบียและเปรูจะพูดสเปน ส่วนฝั่งบราซิลนั้นจะพุดโปรตรุเกศ เริ่มทริปนี้จากการนั่งเครื่องจาก โบโกต้าโคลัมเบีย มาลงที่สนามบินเลทิเซีย(Leticia) |
วัคซีนที่กล่าวถึง สามารถทำที่ไทยได้ แต่ทำจากไทยมาก่อนจะดีมาก |
การมาที่นี้ต้องอย่าลืมเช็คสภาพอากาศก่อนมา บริเวณป่าอเมซอนจะถูกน้ำท่วมเป็นประจำ
ผมมาถึงที่นี้เป็นเวลาบ่ายกว่าๆโดยไม่ได้นั่งรถเข้าไปในเมืองเพราะว่าอะไรเหรอ? ง่ายๆเลยคือไม่มีตังค์ ระยะเวลาที่ผมเดินนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าๆเข้ามา ขอบอกได้เลยว่าเหนื่อยมากๆ |
หลังจากที่เดินหาที่พักได้แล้ว ก็วางกระเป๋าทันทีพร้อมออกไปเดินสำรวจต่อ ทาบาทิงก้า (Tabatinga) นั้นเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสามเมืองชายแดนนี้ มีประชากรราวๆ 5 หมื่นกว่าคน เลทิเซีย (Leticia) ได้มีการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวมากกว่าและดูสะอาดสะอ้านกว่าทางฝั่งบราซิลและเปรู ถ้าจะไปพักที่ ทาบาทิงก้า(Tabatinga) อาจหาที่พักลำบากกว่า แถมราคานั้นสูงกว่าด้วย อีกอย่างคือมันดูน่ากลัวมากกว่าฝั่งเลทิเซียเพราะถนนหนทางนั้นยังไม่พัฒนามากเท่าไหร่ แต่เที่ยวกลางคืนนั้นทางฝั่งบราซิลก็เป็นอะไรที่น่าสนใจเช่นกัน ฉะนั้นต้องเลือกตามความชอบ ว่าอยากไปเต้นแซมบ้า หรือซัลซากัน |
สรุปเรามาสำรวจกันดีกว่าเนื่องจากผมอยู่เที่ยวที่นี้หลายวัน เลยจะโชว์บรรยากาศทางฝั่งเลทิเซี(Leticia) ฝั่งโคลัมเบียให้ดูกันก่อนครับ
ส่วนอุณหภูมิที่นี้ก็ร้อนตับแตกคล้ายๆไทย ถ้าไม่เปิดพัดลมก็อยู่ไม่ได้นะ ช่วงที่ผมไปนี้ 30-33 องศาเชียวนะ |
และต่อไปผมก็จะพามาดูฝั่งของบราซิลกัน ผมมีความรู้สึกว่าจะได้ทำกิจกรรมที่นี้มากกว่า อย่างที่ทราบกัน สัตว์ที่เป็นที่ขึ้นชื่อของอเมซอนนั้นคงจะไม่พ้น งูอนาคอนดา ซึ่งผมได้ไปถ่ายรูปกับมันดู ไม่ได้ถ่ายอย่างเดียว มีโอกาศได้จับมันด้วยเป็นประสบการ์ณที่สนุกจริงๆ จริงๆในป่าอเมซอนนี้มีเรื่องเล่าที่น่ากลัวมากมาย เช่นปลาโลมาสีชมพูแปลงร่างมาเป็นหนุ่มรูปงามหลอกฆ่าคนแต่ด้วยปัจจุบันนั้นความเชื่อนั้นก็เริ่มหายไป อาจจะเป็นแค่กุศโลบายเพื่อการอนุรักษ์สัตว์เหล่านี้ก็เป็นไปได้ ฝั่งบราซิล
ดูไปดูมาก็ไม่ต่างจากชนบทบ้านเรา แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือเขาไม่พูดภาษาเรานั้นเอง
ได้มีโอกาศได้ลิ้มรสเบียร์ที่นี้ด้วย รสชาตินุ่มดี
|
เครื่องบิน...
พามาดูสัตว์ต่อกันเลยที่นี้ ที่นี้จะเป็นคล้ายกับค่ายทหารสักอย่างโดยจะมีสัตว์ต่างๆที่เขาเลี้ยงไว้
มันก็คืออนาคอนด้านี้เองงง ขอบอกเลยว่าเป็นครั้งแรกที่ได้สัมพัสมัน มีความรู้สึกเหมือนจับไก่ที่เขาถอนขนมาหมดแล้ว นิ่มๆ หลังจากนั้นก็มานั่งพักเหนื่อยกันสักพัก
ฟุตบอลมันอยู่ในสายเลือดจริงๆคนที่นี้ ......
ต่อจากนี้ผมจะพามาดูย่านที่คึกคักๆริมแม่น้ำ ตรงนี้จะมีตลาดสดและสถานที่จอดเรือ
โดนแดดแผดเผามาทั้งวัน จริงๆจะบอกว่าทั้งทริปเพราะมันร้อนมากๆ เดินตัวดำกันทีเดียว มาเล่าประวัติที่นี้ย่อๆกันต่อ สถานที่นี้นั้นได้เป็นเมืองหน้าด่านของโปรตุรเกศมาก่อนโดยถูกค้นพบในศตวรรษที่ 18 กรณีดินแดนสามแผ่นดินนี้ได้มีข้อพิพากและสงครามกันเล็กๆน้อยโดยเฉพาะฝั่งโคลัมเบียและเปรูในการอ้างสิทธิเหนือดินแดน ความขัดแย้งนั้นก็ได้จบลงเมื่อการเจรจากัน จนปัจจุบันนี้ก็เป็นอย่างที่เห็น มีความร่วมมือกันในดินแดนลุ่มแม่น้ำอเมซอนนี้ จบเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยไป ตอนนี้ผมก็จะพาไปพักกันก่อนโดยจะพาไปอีกที่คือเกาะซันต้าโรซ่า (Santa rosa) เป็นเกาะของประเทศเปรูโดยผมจะนั่งเรือหางยาวไป ใช้ระยะเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง บริเวณเกาะนี้เคยถูกน้ำท่วมมาด้วยนะจากที่เห็นโดยบ้านเรือนผู้คนนั้นจะมีลักษณะยกพื้นสูงคล้ายๆต่างจังหวัดเรา แต่จะมีอะไรน่าสนใจอีกลองติดตามอ่านต่อด้านล่าง ^^^^ รูปด้านบน เพื่อนๆที่เจอระหว่างพักอยู่ที่อเมซอน ปัจจุบันยังติดต่อกันอยู่ การท่องเที่ยวก็ดีอย่างนี้แหละครับ ได้สร้างเพื่อนใหม่ เตรียมพร้อมก่อนออกเดินทางไปที่เกาะซันตาโรซ่า (santa rosa) เกาะซันต้าโรซ่านี้เป็นเกาะเล็กๆสามารถเดินไปรอบเกาะได้แต่ก็ไม่ถูกที่เพราะบางที่ยังเป็นป่าเป็นหญ้าขึ้นอยู่ถ้าอยากเดินต้องหาบูทมาใส่ ที่เกาะนี้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการนั่งเรือต่อเข้าเปรูนั้นต้องมาstamp พาสปอร์ตที่นี้ก่อนเข้าไปในเปรู โดยเมืองอเมซอนที่่่สำคัญนี้มีชื่อว่า อิกิโตส (iquitos) ใช้ระยะเวลาเดินทางโดยเรือธรรมดาประมาณ 2-3วัน ที่นี้ก็เปิดที่หนึ่งที่น่าเที่ยวเช่นกัน
|
และเราก็มาเริ่มเดินทางกันโดยเรือหางยาว
เราจะเริ่มเห็นเป็นทีละนิดว่าเราใกล้ถึงฝั่งเปรูทุกที ดูได้จากร้านลอยน้ำและธงที่ปักติดไว้อย่างชัดเจน
จากรูปตอนนี้เราก็ใกล้เทียบท่าแล้ว
สภาพบนเกาะ บ้านเรือนบางหลังก็ยกพื้นสูงเพราะป้องกันน้ำท่วม
วิวบรรยากาศสวยๆเหมาะกับนั่งจิบเบียร์เย็นๆ
เห็นรุปภาพโฆษณามาชู ปิชูแล้วเสียดายที่ไม่ได้ไป ถ้าไม่โดนโจรกรรมก่อนนะป่านนี้คงมีภาพสวยมาฝากกันอีกแน่ๆ
และทริปก็จบลงอย่างสวยงาม ถึงแม้ทริปนี้จะไม่ได้อะไรมากมาย แต่ก็ถือเป็นทริปที่ได้สร้างเพื่อนมากมายทั้งเพื่อนที่มาพักที่พักเดียวกันและระหว่างทาง การเดินทางนี้ดีจริงๆให้อะไรเรามากมาย หวังว่าโอกาศหน้าคงจะได้ไปประเทศที่เหลืออีกทั้งอาเจนติน่า ชิลิ โบลิเวีย และโดยเฉพาะเมืองหลงของบราซิล แต่คาดว่าคงต้องเก็บตังค์อีกนานกว่าจะได้มาอีก แต่ยังไงก็สัญญาว่าจะต้องมาให้ได้ สำหรับทริปนี้ก็จบแค่นี้พร้อมกับรูปพระอาทิตย์ตกดินที่ทาบาทิงก้ากัน ....
ทริบในอเมซอน
|
คำแนะนำเพื่อความปลอดภัย
1.
อย่ามีปัญหากับใคร นี้เป็นกฏข้อแรกที่ควรจะต้องทำเพราะถ้าไม่รู้จักเขาดี เผลอระวังจะโดนยิง
2. อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงสุ่มสี่สุ่มหา ถ้าพวกนี้มีแฟนแล้วหรือมีพวกแฟนเป็นคนค้ายา อาจไม่ปลอดภัยกับตัวคุณ
3.
อย่าพัวพันกับสิ่งเสพติด เพราะเมิงนี้เป็นเมืองเล็ก ถ้าเกิดโดนจับนี้แย่นะครับ
4. อย่าออกจากบ้านดึก ถ้าออกกลางคืนควรมีเพื่อนไปด้วย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------