เที่ยวนิวซีแลนด์เกาะใต้

ควีนส์ทาวน์ Queenstown สัมผัสสวรรค์ที่มีอยู่จริง ในประเทศที่ถ่ายรูปที่ไหนก็สวยไปหมด

ประเทศนิวซีแลนด์เป็นความฝันของใครหลายๆคนที่อยากจะมาเลยทีเดียว เพราะเป็น
เหมือนสวรรค์บนดินที่คุณสามารถสัมผัสได้ เอาง่ายๆคือคนชอบถ่ายรูป
ถ่ายที่ไหนก็สวยหมด แถมบรรยากาศและแวดล้อมนี้เหมือนถูกเนรมิตออกมา
จากจินตนาการเลยก็ว่าได้ คือฝันตลอดเวลาว่าจะต้องมาที่นี้ให้ได้วันหนึ่ง
แต่คือไม่ได้จะแผลนมาเร็วๆนี้ แต่ก็มีอะไร ดลบันดาลใจให้อยากมาจนได้ทั้งๆที่ค่าตั๋ว
ตอนมานี้แพงมากกก ปรกติก็แพงอยู่แล้ว คือบินไปอเมริกายังถูกกว่าด้วยซ้ำ
แต่ความสวยงามแบบนี้ก็หาไม่ได้ที่ไหนแล้ว และที่สำคัญคือมีคนรู้จักด้วย
ดังนั้นที่พักฟรี เลยไม่ต้องคิดมากเลย แต่ถ้าไม่พักฟรีก็คงเลื่อนไปอีกยาวเลย
เพราะค่าโรงแรมก็แพงมากเลยทีเดียว

ด้วยนิวซีแลนด์มันเป็นเกาะ มีทั้งเกาะเหนือและใต้ หลายคนที่ไม่เคยมาอาจจะคิด
ไม่ออกว่าจะไปไหนในระยะเวลาที่จำกัดดี ผมมีเวลา 10 วันถ้าบวกกับบินไปกลับ
ก็ลบไปสัก 2 วัน ดังนั้น 8 วันนี้แหละคือวันเทียวดีๆนี้เอง ถ้าคิดไม่ออกว่าจะไป
เกาะไหนดี แนะนำเกาะใต้เลยครับ เพราะธรรมชาตินี้สะพรั่ง สวยงามราวกับสวรรค์
แต่ถ้าชอบอารมณ์เมืองหน่อย ต้องไปเกาะเหนือเลยครับ

แท็กยอดฮิต

สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

เที่ยวสั้นๆระหว่างรอเครื่องที่กรุงโซล

ลุ้นโชคที่คาสิโนในลาสเวกัส

แวะเยี่ยมสะพานแดงที่ซานฟรานซิสโก


เนื่องจากผมมาที่ควีนส์ทาวน์ เมืองที่ดูสภาพว่านักท่องเที่ยวน่าจะเยอะกว่าคนพื้นเมือง
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวเอเชีย โดยสถานที่ตั้งนั้นก็อยู่เกาะใต้ดังรูปภาพแผนที่
ล้อมรอบไปด้วยภูเขาที่สวยงาม และก็ทะเลสาปวากาติปู

ประเทศนิวซีแลนด์แผ่นดินไหวบ่อยมาก อาจจะรุนแรงและไม่รุนแรงเพราะเนื่องจากว่า
เกาะนั้นตั้งอยู่ใกล้บริเวณวงแหวนไฟและรอยต่อของโลกที่เรียงรายไปตามมหาสมุทร
แปซิฟิก เราจึงได้ยินข่าวบ่อยๆเรื่องแผ่นดินไหวที่นิวซีแลนด์ โดยแผ่นดินไหวที่
ส่งผลกระทบรุนแรงล่าสุดก็คือปี 2011 ที่ผ่านมาที่ไครสต์เชิร์ชในเกาะใต้นี้เอง
มีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตมากมาย หากใครที่จะมาเที่ยวกันก็ควรศึกษาหาข้อมูล
เรื่องการระวังตัวเวลาแผ่นดินไหวไว้คร่าวๆ อย่างน้อยก็ป้องกันได้อีกทางหนึ่ง

 

เอาเป็นว่ามาเริ่มเรื่องเดินทางเลยดีกว่า
โดยก่อนที่จะเดินทางนี้ อยากจะบอกว่าเหมือนจะมีเรื่องซวยตั้งแต่ยังไม่บิน เพราะว่า
ดันมีการเลื่อนไฟลท์กระทันหันเพราะเครื่องมีปัญหาที่ออสเตรเลีย คือมันเด้งมาในแอฟให้กด
ยืนยันการเปลี่ยนไฟลท์ แต่แหม ใครจะไปยอมหล่ะ ผมก็เลยไม่ได้กด
ไปถึงที่เคาเตอร์เช็คอินและก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ เนื่องด้วยวันหยุดผมมันเปลี่ยนไม่ได้จริงๆ
เลยทะเลาะกับแอร์กาวน์กันไปสักพักเพราะผมต้องบินวันนี้ ในที่สุดเขาก็หา
ไฟลท์ของการบินไทยให้ไปลงที่โอ๊คแลนด์ก่อนแล้วต่อเครื่องอีกที แต่คนอื่นๆที่ไม่ได้รีบ
แอร์ไลน์ก็รับผิดชอบโดยการหาโรงแรมให้นอนอีกคืนก่อน แต่คราวนี้สิคือเนื่องจากมี
คะแนนสะสมกับ Qantas อยู่แล้ว และก็ไม่ค่อยชอบการบินไทยเลยสักเท่าไหร่
ก็มีปัญหาเรื่องการเคลมคะแนนอีก เพราะนั่งคนละสายการบิน
แต่มันก็ควรจะเป็นความผิดของ Qantas เองที่มาเลื่อนไฟทล์เราเป็นวันแบบนี้
สรุปก็คุยไปยาวทั้งอีเมล์ไปหา ทั้งหลายอย่าง แม้กระทั้งตอนบินกลับมา
ก็คือมันไม่ให้ ก็คงผิดหวังกับสายการบินนี้ไปอีกนาน


เคียโอร่า (Kia-Ora)แปลว่า สวัสดีในภาษาเมารี และก็ยังใช้เป็นคำอำลาหรือแสดง
การขอบคุณได้อีก แต่เอาจริงๆก็ไม่ค่อยได้ยินสักเท่าไหร่ ส่วนมากที่มาก็ไฮ หรือฮัลโลกัน
ตามปรกติ เนื่องจากต้องต่อไฟลท์จากโอ๊คแลนด์ไปควีนส์ทาวน์ คือวิ่งไปอีกเทอรมินอล
เกือบไม่ทัน เพราะต้องไปต่อภายในประเทศ แต่ในที่สุดก็หาทางมาจนได้ เกือบไม่รอด
สายการบินสัญชาตินิวซีแลนด์ ก็มีแค่อันเดียวนี้แหละคือ Air New Zealand
อาจจะไม่ได้เลิศหรูอะไร แต่พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลาซึ่งเป็นอะไรที่ชอบมากๆ



หลังจากนั่งปวดหลัง ปวดเอวมานาน ในที่สุดก็ถึงควีนส์ทาวน์จนได้ เย้ๆๆๆๆๆ
แค่ลงมาจากเครื่องบินก็บอกได้เลยว่า สวยมากๆ แบบตื่นเต้นตลอดเวลา
โดยควีนส์ทาวน์นั้นต่างอยู่ท่ามกลางเทือกเขาขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า
เดอะรีมาร์คเอเบิล (The Remarkables) เป็นภูเขาที่สวยและเด่นจริงๆ

 

บรรยากาศรอบๆสนามบินก็สวยงามไปหมด อากาศเย็นๆและก็สดชื่นมากๆ
คนที่กะมาจ่ายเต็มที่ ก็นี้เลย นั่งเครื่องฮอล์ไป Milford Sound
แน่นอนว่าที่นี้มีสิ่งหลากหลายให้ชมและเสียตังค์กันในราคาที่แพงมากๆ
ใครจะมาพักแบบสบายๆ ก็พักนี้เลยโรงแรมฮิลตัล 555 แต่ผมเองขอแบบไม่เสียตังค์ดีกว่า

แสงสวยงามมากเหมาะแก่การถ่ายรูป

ระหว่างเข้าในเมือง แนวภูเขาเรียงกันสง่าพร้อมกับทะเลสาป ช่างเป็นอะไรที่สวยงามมากๆ
ระหว่างเข้าเมืองก็จะเห็นคนทั่วไปโบกรถขอติดเข้าเมืองไปด้วย ซึ่งก็ถือว่าเป็นอะไรที่ดี
เพราะก็เห็นคนที่นี้ บางคนก็ช่วยเหลือกันโดยการให้ติดรถโดยสารเข้าไปด้วย

 

ก่อนจะเข้าไปในเมืองก็เลยแวะจุดชมวิวที่สวยงามก่อน และก็แวะไปที่ Coronet Peak
เพราะไม่อยากให้เสียเวลาไปเปล่าๆ คือมาทีต้องเอาให้คุ้มไปเลย



Coronet Peak เป็นสถานที่ที่คนจะมาเล่นสกีกัน แต่เนื่องจากช่วงนี้ผมมามัน
ค่อนข้างหนาว ก็เลยไม่ค่อยมีใครเลย

รูปด่านล่าง : บรรยากาศระหว่างเข้าไปในเมือง


หลังจากพยายามไปหลายๆสถานที่ในวันเดียวก็รู้สึกเมื่อยล่า เลยมาตะเวนดูบรรยากาศ
ค่ำคืนของผับและบาร์ที่นี้ และก็มาผ่อนคลายกับเพลงยามค่ำคืนที่ควีนส์ทาวน์

แวะที่ PAK'nSAVE ซึ่งเป็นซูปเปอร์มาเก็ตสัญชาตินิวซีแลนด์

วันที่สองไม่อยากไปที่ไกลๆ เพราะยังล้าจากการนั่งเครื่องอยู่ก็เลย
ตัดสินใจมาที่แอโรว์ทาวน์ (Arrowtown) เมืองนี้มาง่ายแค่ 18 กิโลเมตร
ประวัติคร่าวของเมืองนี้ คือมันเคยเป็นเหมืองทองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
แต่ก็เลิกไปแล้ว กลายมาเป็นจุดท่องเที่ยวชิคๆของคนที่แวะมาแทน
โดยที่นี้ก็จะมีร้านพวกขายหิน อัญมณี และร้านกาแฟอิตาลีที่ผมแวะมาดื่ม
เมืองนี้เล็กๆและน่ารักมากๆ

ARROWTOWN

มีร้านของฝากมากมายให้เลือกกันตระกรานตา ของฝากแต่ละอย่างนี้ก็
แพงไปหมด 555 คิดจะซื้ออะไรนี้นั่งนับนิวเลยว่าคุ้มไหม สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อ
อะไรสักอย่าง เน้นเที่ยวเอาบรรยากาศอย่างเดียว

เนินเขาเล็กๆในเมือง


 

บริเวณ Millbrook รีสอร์ทระหว่างทางากลับจาก Arrowtown

 

อ่านตามเน็ตเขาบอกว่าที่นี้สวยต้องแวะมา ก็เลยเวะมาดูบริเวณ Millbrook
มันก็สวยดีนะ เดินเล่นเพลินดี


บางรูปอารมณ์ก็คล้ายๆกับยุโรป

วันที่สองก็จบไปสวยๆ โดยหลังจากกลับมานั้น ก็เข้าไปในเมืองเพื่อกินอาหารค่ำ
และที่พลาดกันไม่ได้เลยนั้นก็คือ FERGBURER ชื่อดังของเกาะใต้แห่งนี้ สาเหตุที่มันดัง
ก็เพราะว่านิตรยาสาร Forbes ได้เอามาลงในนิตรยาสาร ทำให้เป็นร้านที่มีชื่อเสียง
ขึ้นมาทันที ร้านนี้กว่าจะสั่งได้ต้องต่อคิวยาวออกมานอกร้าน ส่วนโต๊ะในร้าน
ไม่ต้องไปนั่งมันหรอก เพราะเต็มตลอด
คนส่วนมากก็จะซื้อไปทานที่อื่นกัน ส่วนความอร่อย เนื่องด้วยปากคงชิมไม่ถึงจริงๆ
ก็เลยคิดว่ามันเฉยๆเหมือนเบอร์เกอร์ทั่วไป จะหอมก็แค่ชีส โดยเฉพาะต้องเลือกใส่
Blue Cheese เท่านั้นถึงจะได้กลิ่นนี้

หลังจากแฮมเบอร์เกอร์ที่พลาดไม่ได้คือไอศรีมร้าน patagonia

วันที่สามก็ออกเดินทางไปภูเขาที่ขึ้นชื่อของเกาะใต้นี้ และเป็นภูเขาที่สูงสุดในนิวซีแลนด์
นั้นก็คือเมาท์คุก Mount Cook/Aoraki โดยแหกตาตื่นตั้งแต่ตีสี่ เพราะว่า
ถ้าไปสาย ก็จะไม่ได้กลับมาไม่ทันแน่ๆ และนี้ก็คือบรรยากาศตอนเช้า

บรรยากาศข้างทางทั้งสองสวยงามมากๆ ไม่เคยคิดฝันว่าได้มานิวซีแลนด์จริงๆ
เผลอถ่ายรูปจนแบบเมมเต็ม ต้องมาไล่นั่งลบรูปที่ไม่สำคัญที่หลังต่อ

เริ่มเช้าแล้ว...


ที่ที่หยุดพักที่แรกก็คือทะเลสาบปูคากิ(Lake Pukaki)
ซึ่งเป็นทะเลสาปที่ใหญ่ที่สุดในย่านแมคเคนซี่ ซึ่งสามารถมองเห็น
เทือกเขาเมาท์คุกได้จากระยะไกล โดยทะเลสาปจะมีสีเขียวขุ่นใส
แต่เมื่อมีแสงอาทิตย์ส่องขึ้นเมื่อไหร่ มันก็จะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าสดใส
เป็นที่ที่คนจะมาหยุดรถและสัมผัสบรรยากาศของทะเลสาปกัน
โดยสามารถที่จะขับรถชมบรรยากาศไปรอบๆทะเลสาปได้อีกด้วย

ร้านขายปลาแซลมอล ที่นี้เขาเลี้ยงกันเป็นฟาร์มเลย

 



บริเวณรอบๆ ทะเลสาบปูคากิ (Lake Pukaki)


หยุดจอดถ่ายรูประหว่างทาง

 

 

Mount John University Observatory


มีร้านกาแฟด้านบน โดยที่นี้จะเปิดให้เข้า 8.30 ถึง 5 โมงเย็น

และต่อมาที่ไม่พลาดคือทะเลสาปอีกที่นั้นก็คือเทคาโป (Tekapo) เป็นทะเลสาป
สีฟ้าเทอร์ควอยซ์ที่ล้อมรอบไปด้วยแนวเทือกเขาสูงใหญ่ และก็เคยเป็นที่ถ่ายทำ
ภาพยนต์ดังๆอย่างเช่น Lord of The Ring ด้วย

Lake Tekapo



ได้รูปที่ต้องการมากๆมา บอกได้เลยว่าฟินมากๆ

 

รอบๆทะเลสาปเทคาโป


 

ในที่สุดก็มาถึงจุดหมายจนได้ ที่นี้คือเมาท์คุก หรือถ้าแปลไทยก็คือภูเขาคุกนั้นเอง

Mount Cook/Aoraki

บอกได้เลยว่าลมแรงมากๆ และก็หนาวมากๆ แต่ก็ไม่ท้อเพราะว่ามาทีเดียว หนึ่งครั้ง
ในชีวิต ดังนั้นก็ต้องเอาให้สุดๆ

การเดินทางเข้าไปเยี่่ยมชมนั้น ต้องบอกว่าไกลพอสมควร ใช้ระยะเวลาเดินประมาณ
ชั่วโมงกว่าๆ ด้วยความหนาว ฝน ลม เลยไม่สามารถวิ่งได้เพราะเดี๋ยวลื่นล้มหัวแตก



ระหว่างเดินก็มีบ่นตลอดเวลา เป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะจะลากครอบครัวมาเดิน
เพราะคงไม่ไหวอย่างแน่นอน 5555
แต่ในที่สุดก็ถึงจนได้อย่างเมื่อยล้า เนื่องจากลม หมอกต่างๆปิดภูเขาหมดทำให้
มองไม่เห็นยอดมันเลย ก็เลยได้แค่ถ่ายรูปบริเวณจุดปลายทางนี้


หนาวแบบขี้หด แต่ก็คุ้มกับภาพสวยๆที่ถ่าย โทรศัพท์แถบจะร่วงกันทีเดียว
เพราะมือแข็งไปหมด ดูไปดูมาก็เหมือนแคนาดาเลย

ทริปวันนี้เหน็ดเหนื่อยอย่างมากๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะแวะร้าน Pedros House of Lamb
ที่นี้ได้ขึ้นชื่อว่าเนื้อแกะอร่อยมาก เป็นร้านที่ยุ่งตลอดเวลาเพราะมีออเดอร์ตลอดจนขาย
ให้แขกวอร์คอินแทบจะไม่ทัน เพราะด้วยร้านนี้กลิ่นเนื้อแกะนั้นโฉยไปทั่วเมือง
แบบใครเดินผ่านก็อยากจะเดินเข้าไปซื้อกันเลยทีเดียว สนนราคาอยู่ประมาณ 45-50 nzd
ถามว่าแพงไหม ก็แพงนะ แต่ถือก็ว่าเป็นอาหารมาเพิ่มพลังจากทริปที่เพิ่งกลับมาและกัน
ก็หยวนๆไป ก็ยังดีกว่าไปผับ บาร์แต่จ่ายราคาเดียวกัน


ใครเคยเปิดอินเตอร์เน็ตผ่านๆตา คงจะคุ้นๆกับทีนี้อย่างแน่นอน นั้นก็คือบ้านผีสิง
ที่ขึ้นชื่อในนิวซีแลนด์ มันมีชื่อว่า Fear Factory
โดยที่นี้จะมีคนแต่งหน้าแต่งตัวเป็นผีคอยหลอกอยู่ในบ้าน
อย่างน่ากลัวใครมาควีนส์ทาวน์แล้วไม่ได้มาทีนี้ ถือว่าน่าเสียดายทีเดียวเลย

และบาร์อีกที่ที่ขึ้นชื่อมากๆนั้นก็คือ Cowboy โดยคอนเซ็ปของร้านก็อารมณ์คาวบอยนี้แหละ
มีเกมส์ไม้ให้เล่น มีที่ผิงไฟ โดยที่นี้แน่นไปด้วยผู้คนที่มาเที่ยวทั้งนักท่องเที่ยว
และคนพื้นเมืองเต็มไปหมด



วันต่อมาก็ไม่ลืมที่จะไปเยี่ยมสถานที่อีกที คือที่นี้ใกล้กับเมืองควีนส์ทาวน์มากๆ
จริงๆแล้วคืออยากมาที่นี้มากๆ เพราะในหัวนี้มีในภาพตลอดเวลาเรื่อง ภูเขา แม่น้ำ แกะ
แบบเป็นภาพของนิวซีแลนด์ที่ติดมาตลอดไม่ว่าในฝันก็ตาม เลยอยากจะมาให้ได้
ได้ทำการหาข้อมูลในกูเกิ้ลสักพัก ในที่สุดก็ได้เจอสถานที่ที่มีฟาร์มแกะ นั้นก็คือ
แถวบริเวณเกลนนอร์คี่ "Glenorchy" โดยการเดินทางมานั้นไม่ไกลเลย
นอกจากแกะที่มีชื่อ ก็ยังมีม้า มีทะเลสาป มีอื่นๆให้ทำเพียบ แต่ข้าพเจ้าไม่สนใจอะไร
ทั้งสิ้นนอกจากแกะ 555

ก่อนจะแวะไปในฟาร์มก็เข้าไปในเมืองก่อน ไปถ่ายรูปกับบรรยากาศที่นั้น
อันที่จริงแล้วคือหาฟาร์มไม่เจอเลยขับเข้ามาถามคนในเมืองนั้นเอง 555

Glenorchy



หลังจากอิ่มหน่ำกับในเมืองเกลนนอร์คี่ ก็ได้เวลาไปหาฟาร์มแกะกัน

แกะเต็มไปหมดเลย

ในที่สุดก็เจอฟาร์มที่เขาที่เขาให้เข้าไปได้ โดยจะมีการตัดขนแกะโชว์ตอนบ่ายสองโมง
ตอนบ่ายสองโมง แต่ผมมาสายเกิน
ในฟาร์มที่นี้เลี้ยงสัตว์ผสมกันไปหมด แต่ก็มีความสุขมากๆ เพราะได้ไปสัมพัส
สัตว์โดยตรง แถมได้ภาพสวยๆเยอะไปหมด

น่ารักมากๆ นี้ถ้ามาตอนซัมเมอร์ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง


Queenstown

หลังจากที่ได้ไปหลายๆที่ที่อยากไปมา ก็เริ่มอยากอยู่นิ่งๆมากินบรรยาศของเมือง
อย่างที่ผมชอบทำ ก็เลยใช้เวลาวันอื่นๆที่เหลือเดินเล่นเตร่ๆอยู่ในตัวเมืองเอา

รูปด้านล่างพยายามเดินขึ้นไป Skyline เพื่อดูวิวของควีนส์ทาวน์แต่
เหนื่อยจัดเลยยอมแพ้ไป เดินลงแทน

เดินรอบๆทะเลสาป ก็จะเห็นร้านกาแฟ ร้านอาหารมากมาย
และนี้ก็เป็นร้านกาแฟชิคๆบนเรือ

 


ควีนส์ทาวน์นั้นล้อมรอบไปด้วยทะเลสาปวากาติปู
ซึ่งเป็นทะเลสาบที่เกิดจากธารน้ำแข็ง มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ
โดยมีตำนานเกี่ยวกับเรื่องอสูรกายที่หลับไหลใต้ก้นทะเลสาป และแม่น้ำที่ขึ้นลง
เป็นจังหวะเพราะการหายใจของอสูรกายที่นอนอยู่ โดยคำนี้ในภาษาเมารี
คำว่า วาคานั้นคือ เรือ ส่วน ทิปูคืออสูรกาย หรืออีกที่มาคือ
หมายถึงการเจริญเติบโต เพราะเคยมีกลุ่มชนพื้นเมืองที่หนีศัตรูมา
และมาพักฝื้นที่นี้นั้นเอง

ร้านที่สำคัญในเมืองที่ห้ามพลาดคือ Cookie Time เพราะเป็นร้านขายคุกกี้
ที่มีชื่อเสียงมากๆในนิวซีแลนด์ คือมีคนบอกว่าถ้ามาควีนส์ทาวน์แล้วไม่ได้มา
ร้านนี้ ถือว่าพลาดของกินอร่อยๆที่ควีนส์ทาวน์ไปเลย โดยร้านนี้ก็จะยุ่งตลอดเวลา
และก็มีคุกกี้ี้หลากหลายให้เลือกและยังซื้อเป็นของฝากกลับบ้านได้ด้วย
ด้วยความมีชื่อเสียงของมัน เขาก็เลยทำเป็นคุกกี้ี้แบบส่งขายตามห้างหรือศูนย์การค้า
ใหญ่ๆอีกด้วย. หากพลาดที่นี้ก็สามารถไปที่ไครสต์เชิร์ชได้

เดินเลาะตามควีนส์ทาวน์การ์เด้น Queenstown Garden บรรยาศน่านั่งมากๆ

เอาเข้าจริงๆเมืองนี้ก็มีคนต่างชาติที่อาศัยกันอยู่เต็มเมืองเลยด้วย ทั้งที่ทำงานที่นี้
หรืออาศัย เพราะดูได้จากพนักงานต่างๆที่ไม่ใช้คนกีวี่เลย

รอบๆสวนควีนส์ทาวน์

ในเมืองที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว
คนกีวีส่วนมากที่เห็นก็ไม่ค่อยเห็นใครถือของแบรน์ดเนมกันนะครับ
จากที่ดูๆก็คือคนที่นี้เน้นซื้อของดีและทน ถ้าแพงก็ต้องดีและทนด้วย

สนุกกับการถ่ายรูปมากๆ 555


และทั้งหมดนี้ก็คือสวรรค์บนดินที่ผมก็ไม่เชื่อตัวเองเหมือนกันว่าวันหนึ่งจะได้มีโอกาสมา
หลังจากรอบนี้ไปก็คงงดเที่ยวยาวๆเลย เพราะเที่ยวต่างประเทศบ่อยเป็นว่าเล่น
ใครที่คิดอยากจะมานิวซีแลนด์ก็ควรกะเวลากันให้ดีๆกันด้วยครับ และก็วางแผนกันไว้
ว่าจะไปที่ไหนบ้าง อยากทำอะไรบ้าง เพราะไม่อย่างนั้นก็จะมานั่งหากระทันหัน
เสียเวลาแบบผมอีก จริงๆแล้วยังมีอีกหลายๆที่ที่อยากไปดู แต่ก็เวลาไม่พอหรือถ้าพอ
ก็ไม่อยากเสียเวลาเดินทางไป เพราะใจจริงๆอยากแบบมาเที่ยวเมืองเดียว ผ่อนคลาย
ถ้าย้ายบ่อยๆมันไม่ค่อยสนุก สำหรับผมโดยส่วนตัวแล้วอ่ะครับ


เอาเป็นว่าขอให้สนุกกับทริปนี้กันนะครับ ใครมาแล้วก็อย่าลืมแนะนำเพิ่มเติมอื่นๆอีกได้ครับ

 

คำแนะนำต่างๆ

icon.gif (941 bytes)1.ตั๋วมานิวซีแลนด์นั้นแพงมากๆยิ่งมากๆ ยิ่งมากระทันหันยิ่งแพง
ใครได้ตั๋วจากสายการบิน ที่ full service ที่ต่ำกว่า 3 หมื่นนี้ ถือว่าโชคดีจริงๆ
ส่วนผมมากระทันหัน โดนไปเกือบสี่หมื่น
icon.gif (941 bytes)2.ถ้ามาหลายคนแล้วเช่ารถขับจะถูกมากๆ ไปได้หลายที่ แต่ถ้ามาไม่มาก ก็แนะนำให้จอง
ตั๋วและแพ็คเก็จต่างๆมาก่อน จะได้ไม่ต้องมาแย่งซื้อแบบกระทันหัน
icon.gif (941 bytes)3.ที่นิวซีแลนด์ค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็เคยมีข่าวเรื่องการขโมยบ้างหรือโดนทุบรถบ้าง
ดังนั้นต้องระวังตัวให้ดีด้วยถึงแม้ว่าจะปลอดภัยก็ตาม
icon.gif (941 bytes)4.การซื้อแอลกอลฮอล์ที่นี้ต้องพกพาสปอร์ตไปด้วยหากไปกับเพื่อนบางครั้งเขาก็ตรวจ
เพื่อนด้วย อาจจะเป็นเพราะว่าคนเอเชียหน้าเด็กมั่ง มันก็คงตรวจหมดกลัวจะซื้อเหล้าให้กัน

 


 

 

 



เที่ยวสั้นๆระหว่างต่อเครื่อง ที่เกาหลี

เยี่ยมชมสะพาน สะพานโกลเดนเกตที่ซานฟราน

ตะเวนถ่ายรูปกับโอเปร่าเฮาส์
ในซิดนีย์

ลุ้นโชคที่คาสิโนในลาสเวกัส ในย่านสตริป

   
   


Follow me on

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Flag Counter